เมื่อถึงช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย โดยเฉพาะในช่วงประมาณกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคมที่ถือได้ว่าเป็นฤดูฝนของประเทศไทยอย่างเต็มตัว ทุกปีเมื่อฤดูฝนมาเยือนประเทศไทย หลายพื้นที่มักเผชิญกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ความชื้นสูง และน้ำท่วมขัง ซึ่งกลายเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการแพร่กระจายของเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น ไวรัส ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก และโรคผิวหนัง ด้วยเหตุนี้ การดูแลสุขภาพในช่วงหน้าฝนจึงเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษ
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปดูวิธีการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมในช่วงหน้าฝน พร้อมแนะนำอาหารเสริมตัวช่วยที่จะช่วยให้คุณสามารถเสริมภูมิคุ้มกันและป้องกันโรคต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยจนหลายคนสุ่มเสี่ยงที่จะป่วยได้ง่ายกว่าปกติ
ทำไมฤดูฝนถึงเป็นช่วงที่คนป่วยง่าย?
- ความชื้นสูง
ความชื้นในอากาศที่เพิ่มขึ้นทำให้เชื้อราและแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในรองเท้า เสื้อผ้า หรือพื้นที่อับชื้น - อุณหภูมิแปรปรวน
อากาศที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน เกิดอาการเจ็บป่วยได้ง่าย เช่น ไข้หวัด หรือปวดหัว - การแพร่เชื้อโรคทางอากาศ
เชื้อไวรัสแพร่กระจายง่ายในพื้นที่ปิดหรือในที่ที่มีคนจำนวนมาก เช่น รถโดยสาร โรงเรียน หรือที่ทำงาน
เคล็ดลับดูแลสุขภาพในช่วงหน้าฝน
ฤดูฝนในประเทศไทยไม่เพียงแต่นำพาความเย็นและความชื้นมาเท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งเชื้อโรคและความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างหลากหลาย การปรับพฤติกรรมและดูแลร่างกายอย่างเหมาะสมจะช่วยให้คุณลดความเสี่ยงจากโรคต่าง ๆ ได้อย่างมาก ต่อไปนี้คือเคล็ดลับที่ควรนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน:
1. สวมใส่เสื้อผ้าแห้งและโปร่งสบาย
ความชื้นในหน้าฝนทำให้ร่างกายระบายเหงื่อได้น้อยลง การเลือกใส่เสื้อผ้าที่แห้งไว ไม่อุ้มน้ำ และระบายอากาศได้ดี จะช่วยป้องกันการเกิดเชื้อรา และลดโอกาสการเกิดโรคผิวหนัง เช่น เชื้อราในร่มผ้า และผดผื่นคัน
- หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าหนาหรือผ้าใยสังเคราะห์ที่อุ้มน้ำ
- หากเปียกฝนควรรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและเช็ดตัวให้แห้งทันที
2. ดูแลความสะอาดของเท้า
น้ำฝนที่ขังตามถนนหรือฟุตบาทมักมีสิ่งสกปรกและเชื้อโรคจำนวนมาก การเดินลุยน้ำโดยไม่สวมรองเท้าป้องกัน อาจนำไปสู่โรคฉี่หนู (Leptospirosis) หรือโรคน้ำกัดเท้าได้
- สวมรองเท้าบูทหรือรองเท้าที่ป้องกันน้ำได้เมื่อต้องเดินลุยน้ำ
- ล้างเท้าด้วยสบู่ และเช็ดให้แห้งทุกครั้งหลังสัมผัสน้ำ
3. เลือกกินอาหารปรุงสุกใหม่เท่านั้น
หน้าฝนเป็นช่วงที่อาหารบูดเสียง่าย เนื่องจากความชื้นในอากาศส่งผลต่ออายุของอาหาร โดยเฉพาะอาหารริมทางที่ไม่มีการเก็บรักษาที่ดี
- หลีกเลี่ยงอาหารที่วางตากฝนหรือไม่มีที่ป้องกันแมลง
- ล้างผักผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทาน
- หลีกเลี่ยงน้ำแข็งจากแหล่งที่ไม่สะอาด
4. พักผ่อนให้เพียงพอและไม่อดนอน
การนอนหลับไม่เพียงพอเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และเป็นเหตุให้ร่างกายติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศเย็นชื้น
- พยายามนอนให้ครบ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
- หลีกเลี่ยงการเล่นมือถือหรือทำงานจนดึก
5. ดื่มน้ำอุ่นมากกว่าน้ำเย็น
การดื่มน้ำอุ่นช่วยให้ร่างกายรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสม ลดความเสี่ยงจากอาการไอหรือเจ็บคอ ซึ่งมักพบในช่วงหน้าฝนที่อากาศเย็นและชื้น
- ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6–8 แก้ว
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มเย็นจัดหรือเครื่องดื่มหวานมากเกินไป
6. เสริมภูมิคุ้มกันด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ
แม้ว่าในหน้าฝนจะไม่เอื้ออำนวยต่อการออกกำลังกายกลางแจ้ง แต่ก็สามารถเลือกออกกำลังกายในบ้านหรือฟิตเนสได้ เช่น การเล่นโยคะ แอโรบิก หรือเดินบนลู่วิ่ง
- เลือกเวลาออกกำลังกายที่ไม่อากาศเย็นจนเกินไป
- หลังออกกำลังกายควรเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที และไม่ปล่อยให้เหงื่อเปียกตัวนาน
7. ทำความสะอาดบ้านและห้องน้ำเป็นประจำ
หน้าฝนทำให้หลายพื้นที่ในบ้านชื้นและเกิดเชื้อราได้ง่าย ควรหมั่นทำความสะอาดห้องน้ำ ผนัง พื้น และพัดลมระบายอากาศให้สะอาดอยู่เสมอ รวมถึงเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทเมื่อไม่มีฝนตก เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคและกลิ่นอับ
8. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัดนาน ๆ
พื้นที่ที่มีคนหนาแน่น เช่น รถโดยสาร โรงเรียน หรือศูนย์การค้า อาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคที่แพร่กระจายได้ง่าย หากจำเป็นต้องเข้าไป ควรสวมหน้ากากอนามัยและล้างมือทุกครั้งหลังออกจากพื้นที่
9. พกเจลแอลกอฮอล์หรือกระดาษเปียกไว้ติดตัว
การล้างมือเป็นวิธีป้องกันเชื้อโรคที่ง่ายและได้ผล โดยเฉพาะเมื่อไม่สามารถล้างมือด้วยน้ำสะอาดได้ทันที ควรเลือกเจลแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นอย่างน้อย 70% ขึ้นไป
10. เลือกอาหารเสริมให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย
ในช่วงหน้าฝน การเสริมวิตามินและสารอาหารจำเป็น เช่น วิตามินซี วิตามินดี ซิงก์ หรือโพรไบโอติกส์ จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ลดโอกาสเจ็บป่วยได้อย่างเห็นผล แต่อย่าลืมเลือกแบรนด์ที่ได้มาตรฐาน และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ทุกครั้ง
อาหารเสริมที่ควรทานในช่วงหน้าฝน
การเสริมอาหารที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี โดยเฉพาะในช่วงที่ร่างกายอ่อนแอง่ายแบบนี้:
1. วิตามินซี (Vitamin C)
- ประโยชน์: ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ต่อต้านอนุมูลอิสระ
- แหล่งที่พบ: อาหารเสริมวิตามินซีชนิดเม็ด หรือผงชงดื่ม ควรเลือกแบบดูดซึมได้ดี เช่น Ascorbic acid หรือ Ester-C
2. วิตามินดี (Vitamin D)
- ประโยชน์: ช่วยให้ร่างกายต้านทานโรค โดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจ
- ช่วงหน้าฝนแสงแดดน้อย: ควรเสริมด้วยวิตามินดีในรูปแบบเม็ดหรือ softgel
3. ซิงก์ (Zinc)
- ประโยชน์: ช่วยลดระยะเวลาการเป็นหวัด และช่วยสมานแผล
- เหมาะกับ: ผู้ที่มีแนวโน้มเป็นแผลในช่องปากบ่อยในช่วงอากาศเปลี่ยน
4. โพรไบโอติกส์ (Probiotics)
- ประโยชน์: ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ เสริมภูมิคุ้มกันโดยรวม
- ควรเลือก: ผลิตภัณฑ์ที่มีสายพันธุ์ที่ได้รับการวิจัย เช่น Lactobacillus หรือ Bifidobacterium
5. เบต้ากลูแคน (Beta-Glucan)
- ประโยชน์: กระตุ้นภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติของร่างกาย
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการป้องกันหวัดซ้ำซาก และลดโอกาสการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
การดูแลสุขภาพในหน้าฝนไม่ใช่เรื่องยาก หากเรารู้จักปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต รักษาความสะอาด และเสริมด้วยอาหารที่มีประโยชน์รวมถึงอาหารเสริมที่เหมาะสม การดูแลแบบครบมิติจะช่วยให้คุณผ่านช่วงฤดูฝนไปได้อย่างปลอดภัย ห่างไกลโรค และมีสุขภาพแข็งแรงตลอดฤดูกาล
หากสนใจอาหารเสริมที่เหมาะกับการดูแลสุขภาพในช่วงหน้าฝนนี้ สามารถเลือกดูผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ Biovitt