donn

donn

7 พฤษภาคม 2568

...

ดูแลสุขภาพในช่วงหน้าฝนอย่างไรไม่ให้ป่วยง่าย?

ดูแลสุขภาพในช่วงหน้าฝนอย่างไรไม่ให้ป่วยง่าย?

เมื่อถึงช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย โดยเฉพาะในช่วงประมาณกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคมที่ถือได้ว่าเป็นฤดูฝนของประเทศไทยอย่างเต็มตัว ทุกปีเมื่อฤดูฝนมาเยือนประเทศไทย หลายพื้นที่มักเผชิญกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ความชื้นสูง และน้ำท่วมขัง ซึ่งกลายเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการแพร่กระจายของเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น ไวรัส ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก และโรคผิวหนัง ด้วยเหตุนี้ การดูแลสุขภาพในช่วงหน้าฝนจึงเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษ

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปดูวิธีการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมในช่วงหน้าฝน พร้อมแนะนำอาหารเสริมตัวช่วยที่จะช่วยให้คุณสามารถเสริมภูมิคุ้มกันและป้องกันโรคต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยจนหลายคนสุ่มเสี่ยงที่จะป่วยได้ง่ายกว่าปกติ


ทำไมฤดูฝนถึงเป็นช่วงที่คนป่วยง่าย?

  1. ความชื้นสูง
    ความชื้นในอากาศที่เพิ่มขึ้นทำให้เชื้อราและแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในรองเท้า เสื้อผ้า หรือพื้นที่อับชื้น
  2. อุณหภูมิแปรปรวน
    อากาศที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน เกิดอาการเจ็บป่วยได้ง่าย เช่น ไข้หวัด หรือปวดหัว
  3. การแพร่เชื้อโรคทางอากาศ
    เชื้อไวรัสแพร่กระจายง่ายในพื้นที่ปิดหรือในที่ที่มีคนจำนวนมาก เช่น รถโดยสาร โรงเรียน หรือที่ทำงาน

เคล็ดลับดูแลสุขภาพในช่วงหน้าฝน

ฤดูฝนในประเทศไทยไม่เพียงแต่นำพาความเย็นและความชื้นมาเท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งเชื้อโรคและความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างหลากหลาย การปรับพฤติกรรมและดูแลร่างกายอย่างเหมาะสมจะช่วยให้คุณลดความเสี่ยงจากโรคต่าง ๆ ได้อย่างมาก ต่อไปนี้คือเคล็ดลับที่ควรนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน:

1. สวมใส่เสื้อผ้าแห้งและโปร่งสบาย

ความชื้นในหน้าฝนทำให้ร่างกายระบายเหงื่อได้น้อยลง การเลือกใส่เสื้อผ้าที่แห้งไว ไม่อุ้มน้ำ และระบายอากาศได้ดี จะช่วยป้องกันการเกิดเชื้อรา และลดโอกาสการเกิดโรคผิวหนัง เช่น เชื้อราในร่มผ้า และผดผื่นคัน

  • หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าหนาหรือผ้าใยสังเคราะห์ที่อุ้มน้ำ
  • หากเปียกฝนควรรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและเช็ดตัวให้แห้งทันที

2. ดูแลความสะอาดของเท้า

น้ำฝนที่ขังตามถนนหรือฟุตบาทมักมีสิ่งสกปรกและเชื้อโรคจำนวนมาก การเดินลุยน้ำโดยไม่สวมรองเท้าป้องกัน อาจนำไปสู่โรคฉี่หนู (Leptospirosis) หรือโรคน้ำกัดเท้าได้

  • สวมรองเท้าบูทหรือรองเท้าที่ป้องกันน้ำได้เมื่อต้องเดินลุยน้ำ
  • ล้างเท้าด้วยสบู่ และเช็ดให้แห้งทุกครั้งหลังสัมผัสน้ำ

3. เลือกกินอาหารปรุงสุกใหม่เท่านั้น

หน้าฝนเป็นช่วงที่อาหารบูดเสียง่าย เนื่องจากความชื้นในอากาศส่งผลต่ออายุของอาหาร โดยเฉพาะอาหารริมทางที่ไม่มีการเก็บรักษาที่ดี

  • หลีกเลี่ยงอาหารที่วางตากฝนหรือไม่มีที่ป้องกันแมลง
  • ล้างผักผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทาน
  • หลีกเลี่ยงน้ำแข็งจากแหล่งที่ไม่สะอาด

4. พักผ่อนให้เพียงพอและไม่อดนอน

การนอนหลับไม่เพียงพอเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และเป็นเหตุให้ร่างกายติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศเย็นชื้น

  • พยายามนอนให้ครบ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
  • หลีกเลี่ยงการเล่นมือถือหรือทำงานจนดึก

5. ดื่มน้ำอุ่นมากกว่าน้ำเย็น

การดื่มน้ำอุ่นช่วยให้ร่างกายรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสม ลดความเสี่ยงจากอาการไอหรือเจ็บคอ ซึ่งมักพบในช่วงหน้าฝนที่อากาศเย็นและชื้น

  • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6–8 แก้ว
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มเย็นจัดหรือเครื่องดื่มหวานมากเกินไป

6. เสริมภูมิคุ้มกันด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ

แม้ว่าในหน้าฝนจะไม่เอื้ออำนวยต่อการออกกำลังกายกลางแจ้ง แต่ก็สามารถเลือกออกกำลังกายในบ้านหรือฟิตเนสได้ เช่น การเล่นโยคะ แอโรบิก หรือเดินบนลู่วิ่ง

  • เลือกเวลาออกกำลังกายที่ไม่อากาศเย็นจนเกินไป
  • หลังออกกำลังกายควรเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที และไม่ปล่อยให้เหงื่อเปียกตัวนาน

7. ทำความสะอาดบ้านและห้องน้ำเป็นประจำ

หน้าฝนทำให้หลายพื้นที่ในบ้านชื้นและเกิดเชื้อราได้ง่าย ควรหมั่นทำความสะอาดห้องน้ำ ผนัง พื้น และพัดลมระบายอากาศให้สะอาดอยู่เสมอ รวมถึงเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทเมื่อไม่มีฝนตก เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคและกลิ่นอับ

8. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัดนาน ๆ

พื้นที่ที่มีคนหนาแน่น เช่น รถโดยสาร โรงเรียน หรือศูนย์การค้า อาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคที่แพร่กระจายได้ง่าย หากจำเป็นต้องเข้าไป ควรสวมหน้ากากอนามัยและล้างมือทุกครั้งหลังออกจากพื้นที่

9. พกเจลแอลกอฮอล์หรือกระดาษเปียกไว้ติดตัว

การล้างมือเป็นวิธีป้องกันเชื้อโรคที่ง่ายและได้ผล โดยเฉพาะเมื่อไม่สามารถล้างมือด้วยน้ำสะอาดได้ทันที ควรเลือกเจลแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นอย่างน้อย 70% ขึ้นไป

10. เลือกอาหารเสริมให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย

ในช่วงหน้าฝน การเสริมวิตามินและสารอาหารจำเป็น เช่น วิตามินซี วิตามินดี ซิงก์ หรือโพรไบโอติกส์ จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ลดโอกาสเจ็บป่วยได้อย่างเห็นผล แต่อย่าลืมเลือกแบรนด์ที่ได้มาตรฐาน และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ทุกครั้ง


อาหารเสริมที่ควรทานในช่วงหน้าฝน

การเสริมอาหารที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี โดยเฉพาะในช่วงที่ร่างกายอ่อนแอง่ายแบบนี้:

1. วิตามินซี (Vitamin C)

  • ประโยชน์: ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ต่อต้านอนุมูลอิสระ
  • แหล่งที่พบ: อาหารเสริมวิตามินซีชนิดเม็ด หรือผงชงดื่ม ควรเลือกแบบดูดซึมได้ดี เช่น Ascorbic acid หรือ Ester-C

2. วิตามินดี (Vitamin D)

  • ประโยชน์: ช่วยให้ร่างกายต้านทานโรค โดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจ
  • ช่วงหน้าฝนแสงแดดน้อย: ควรเสริมด้วยวิตามินดีในรูปแบบเม็ดหรือ softgel

3. ซิงก์ (Zinc)

  • ประโยชน์: ช่วยลดระยะเวลาการเป็นหวัด และช่วยสมานแผล
  • เหมาะกับ: ผู้ที่มีแนวโน้มเป็นแผลในช่องปากบ่อยในช่วงอากาศเปลี่ยน

4. โพรไบโอติกส์ (Probiotics)

  • ประโยชน์: ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ เสริมภูมิคุ้มกันโดยรวม
  • ควรเลือก: ผลิตภัณฑ์ที่มีสายพันธุ์ที่ได้รับการวิจัย เช่น Lactobacillus หรือ Bifidobacterium

5. เบต้ากลูแคน (Beta-Glucan)

  • ประโยชน์: กระตุ้นภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติของร่างกาย
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการป้องกันหวัดซ้ำซาก และลดโอกาสการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ

การดูแลสุขภาพในหน้าฝนไม่ใช่เรื่องยาก หากเรารู้จักปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต รักษาความสะอาด และเสริมด้วยอาหารที่มีประโยชน์รวมถึงอาหารเสริมที่เหมาะสม การดูแลแบบครบมิติจะช่วยให้คุณผ่านช่วงฤดูฝนไปได้อย่างปลอดภัย ห่างไกลโรค และมีสุขภาพแข็งแรงตลอดฤดูกาล

หากสนใจอาหารเสริมที่เหมาะกับการดูแลสุขภาพในช่วงหน้าฝนนี้ สามารถเลือกดูผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ Biovitt

บทความที่แนะนำ

  • สุขภาพและความงาม

    พฤติกรรมคนไทยกับเดย์ครีม ทำไมตลาดนี้ยังโตไม่หยุด?

    โพสต์เมื่อ 8 พฤษภาคม 2568

    อ่านเพิ่มเติม
  • สุขภาพและความงาม

    สร้างแบรนด์ “เซรั่มลดสิว” ปี 2025: โอกาสทองของตลาดผิวสวย

    โพสต์เมื่อ 3 เมษายน 2568

    อ่านเพิ่มเติม
  • สุขภาพและความงาม

    เจาะลึกตลาด “เซรั่มแอมพูล” ปี 2025: โอกาสทองของแบรนด์สกินแคร์เพื่อผิวหน้ากระจ่างใส

    โพสต์เมื่อ 3 เมษายน 2568

    อ่านเพิ่มเติม